สวัสดีตอนดึกค่ะ ไม่รู้มีใครอ่านไหม ถ้ามีก็ขอโทษที่หายไปสองวันนะคะ คนหนึ่งงานยุ่ง อีกคนก็ไม่ค่อยสบาย วันนี้ยังไม่ได้เขียนเรื่องใหม่ แต่เอาทริปล่องแพที่เคยไปและเคยเขียนไว้ในเพจสถานีไออุ่นมาฝากค่ะ หน้าฝนเช่นตอนนี้อาจไม่เหมาะเท่าไหร่ แต่ถ้าหมดหน้าฝนไป อย่าลืมพิจารณาทริปล่องแพนี้ดูนะคะ ลองอ่านดูค่ะ^^
................................................................................
ล่องแพวันจักรี
อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ จะดีแค่ไหนถ้าได้เล่นน้ำเย็นๆ พักกายพักใจผ่อนคลายไปกับธรรมชาติ ถ้าเพื่อนๆ กำลังอยากสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ เรามีสถานที่หนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี บ้านเรามาแนะนำค่ะ^^
วันพุธที่ผ่านมา อย่างที่หลายคนทราบดีว่าเป็นจักรี วันหยุดกลางสัปดาห์ที่นานๆ จะมีครั้ง ในขณะที่เรากำลังคิดว่าจะทำอะไรดี พี่สาวที่น่ารักที่สนิทกันก็เอ่ยชวนไปล่องแพเชิงอนุรักษ์ ที่บ้านโนนหินกอง อำเภอสิรินธร อำเภอที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน แน่นอนทริปที่น่าสนุกเช่นนี้เราจะพลาดได้อย่างไร หลังจากปรึกษากับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ทำงาน เราก็รวมกลุ่มกันได้สิบคน เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีแพว่างสำหรับพวกเรา จึงได้โทรจองกันในทันที ก่อนที่ทริปเล็กๆ ในวันจักรีจะเริ่มขึ้น...
เราออกเดินทางกันตอนสายๆ ของวัน หลังจากขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เจอโรงพยาบาลสิรินธรสถานที่เด่นๆ ที่อยู่ใกล้ปากทางเข้าหมู่บ้าน ไม่ไกลนักจะพบป้ายบอกทางเข้าหมู่บ้านอยู่ทางซ้ายมือ ขับรถไปตามป้าย ประมาณ 6-7 กิโลเมตร เราก็พบกับจุดลงแพที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ สถานที่พักกายพักใจของเราในวันนี้
เนื่องด้วยเป็นช่วงวันหยุดแพหลัก 3 แพจึงถูกโทรจองเต็มตั้งแต่แรก พวกเราจึงได้แต่ก็แอบลุ้นว่าแพเสริมที่ได้จะเป็นอย่างไร ซึ่งพอเห็นใช้ได้เลยค่ะ ขนาดอาจจะเล็กกว่าแพหลัก แต่ก็เหมาะเจาะพอดีกับจำนวนคนของเรา หลังจากลำเลียงอาหารที่เตรียมมาลงแพเสร็จ คุณลุงที่ดูแลก็พาพวกเราล่องแพไปตามลำโดมน้อย ทั้งสองฝั่งด้านข้างเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชะอุ่ม มีนกบินผ่านมาให้เห็นบ้างประปราย เราเลือกนั่งหย่อนเท้าแช่น้ำไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่แพล่องไป น้ำเย็นๆ บรรยากาศสบายๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นที่สุด หิวก็กินอาหารที่เตรียมมา ส่วนถ้วยจาน ช้อนส้อม ทางแพจะเตรียมไว้ให้ หรือหากอยากทำปิ้งย่าง เขาก็มีเตาให้บริการด้วยเช่นกัน แต่อาหารต้องเตรียมกันมาเองนะคะ
หลังจากล่องแพผ่านธรรมชาติสวยๆ มาสักระยะ คุณลุงเจ้าของแพก็จอดแวะให้พวกเราได้ไหว้พระแม่เทพนิมิตที่คนในพื้นที่ให้ความเคารพบูชา ซึ่งบริเวณนี้มีจุดชมวิวที่ช่วยให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ในมุมที่กว้างขึ้น โชคดีที่ตอนนั้นมีแพอีกแพผ่านมา เราจึงไม่รอช้าที่จะกดชัตเตอร์เก็บภาพไว้ ก่อนลงคุณลุงแนะนำให้พวกเราปั่นจักรยานที่ถูกดัดแปลงเป็นเครื่องปั่นน้ำ โดยให้เหตุผลว่า เป็นการปั่นน้ำให้พระแม่คงคา มาถึงแล้วต้องปั่นนะหนู^^
หลังจากนั้น พวกเราก็ล่องแพต่อไปจนถึงจุดที่ให้ลงเล่นน้ำ ทางแพจะมีเสื้อชูชีพเตรียมไว้ให้ทุกคน ซึ่งต้องขอบคุณมากๆ เพราะมันช่วยให้คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นแบบเราเล่นน้ำได้ น้ำในบริเวณที่ให้เล่น เป็นน้ำที่ตื้นกว่าที่อื่น แต่กระนั้นบางจุดก็ลึกจนคิดว่าถ้าไม่มีชูชีพคงท่วมหัวเราเป็นแน่ เพราะเท้าไม่แตะพื้นเลย เราเล่นน้ำสักพักใหญ่ๆ หัดว่ายน้ำที่ยังไงก็ว่ายไม่เป็นสักที หลังจากเหนื่อยทั้งคนว่าย คนสอน เราก็ขึ้นแพมานอนเล่นรอคนอื่นๆ กินขนม ผลไม้คร่าเวลาไปเรื่อยๆ พักใหญ่ๆ จึงตัดสินใจกลับกัน
ก่อนกลับด้วยความสงสัยว่าแพๆ อื่นอยู่ไหน ทำไมจุดนี้จึงมีแค่เรา คุณลุงจึงพาล่องแพไปข้างหน้า ไม่ไกลนัก เราก็เจอแพอีกสองสามแพผูกติดต้นไม้ใกล้ๆ กัน คุณลุงให้เหตุผลว่าที่จอดให้เล่นตรงนั้นเพราะมันเป็นส่วนตัวมากกว่า ซึ่งต้องขอบคุณที่ลุงรู้ใจ เพราะถ้าให้เลือกเราก็ชอบที่เป็นส่วนตัวมากกว่าจริงๆ ระหว่างทางกลับเราก็นั่งเล่น นอนเล่นเอาเท้าแช่น้ำเย็นๆ ไปเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที เราก็เดินทางถึงจุดเริ่มต้น ระหว่างนั้นเด็กผู้ชายซึ่งน่าจะเป็นเด็กๆ ในหมู่บ้านกำลังจับเชือกที่แขวนไว้กับต้นไม้กระโดดน้ำกัน ดูน่าสนุกสนานเชียว อยากเก็บภาพไว้จะแย่ แต่กล้องดันแบตหมดเสียก่อน ถ้าใครมีโอกาสไปเก็บภาพมาเผื่อเราด้วยนะ^^
ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน พวกเราแวะชิมส้มตำและตำมะม่วงร้านเดียวที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น ไม่รู้เพราะเหนื่อยหรืออย่างไร แต่รู้สึกว่าอร่อยมาก ในระหว่างที่รอส้มตำอยู่นั้นเราก็ไปคุยกับผู้ใหญ่บ้านและภรรยาคร่าเวลา ผู้ใหญ่บ้านเล่าให้ฟังว่า ตอนแรกตนได้ไปดูงานกับเจ้าหน้าที่ของเขื่อนสิรินธรที่จังหวัดพัทลุง เห็นเขามีกิจกรรมล่องแพกัน ก็นึกได้ว่าบ้านเราก็มีธรรมชาติแบบนี้ น่าจะลองทำดู ทางเขื่อนสิรินธรก็พร้อมสนับสนุนงบประมาณ ผู้ใหญ่บ้านจึงประชุมชาวบ้านโนนหินกองรวมกลุ่มกันจัดกิจกรรมล่องแพเชิงอนุรักษ์ขึ้น ซึ่งปีนี้เข้าปีที่ 4 แล้ว แต่ก่อนแม้จะมีคนมาเรื่อยๆ แต่ไม่มากนัก จนหลังปีใหม่มานี้ อาจเพราะมีคนไปโพสต์ในอินเตอร์เน็ต ทำให้คนมาเยอะจนตั้งรับแทบไม่ทัน แพหลัก 3 แพกับแพเสริมอีก 1 แพบางวันไม่พอ ต้องแก้ปัญหาโดยเอาเรือของพระสงฆ์ในหมู่บ้านขับพานักท่องเที่ยวไปไว้ยังจุดที่เล่นน้ำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะพยายามรับเฉพาะที่โทรจองเป็นหลักก่อน
นอกจากนี้ใกล้ๆ ทางลงแพยังมีไม้แกะสลักรูปนกอินทรีย์ฝีมือของชาวบ้านในพื้นที่มาวางจำหน่าย ใครสนใจซื้อไว้ประดับบ้าน สามารถแวะไปสอบถามได้นะคะ ราคาอยู่ที่ประมาณ 1000-2000 บาท แล้วแต่ขนาดและความยากง่ายของงาน ส่วนใครที่สนใจมาล่องแพกับชาวบ้านโนนหินกองสามารถโทรจองแพกับผู้ใหญ่บ้านได้ที่เบอร์ 090-6190059 แพหลักราคา 2000 บาท แพเสริมราคา 1500 บาท หรือถ้าใครอยากได้เครื่องเสียงสามารถแจ้งได้ค่ะ ราคาแพพร้อมเครื่องเสียงประมาณ 2500 บาท ส่วนตัวแม้เราจะเป็นคนชอบฟังเพลงมากๆ แต่ที่สัมผัสวันนี้เครื่องเสียงดังๆ อาจไม่เข้ากับบรรยากาศเท่าไหร่อ่ะเนอะ
วันหยุดสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ใครยังไม่รู้จะไปไหนทริปล่องแพเชิงอนุรักษ์ในบรรยากาศสบายๆ แบบนี้ ก็เป็นทริปเบาๆ ที่สนุกดีนะคะ ส่วนถ้าใครอยากไปเที่ยวไหนต่อ อุบลราชธานี จังหวัดนี้ก็มีอีกหลายที่ให้คุณได้แวะไป เช่น วัดภูพร้าวที่เราได้รีวิวลงเพจสถานีไออุ่นคราวก่อนก็น่าสนไม่น้อยค่ะ นอกจากนี้ก็มีหลายที่เหมือนกันไว้ว่างๆ เราจะมาเล่าให้ฟังนะ^^
แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะไปเที่ยวไหนกันมาบ้าง มาแชร์ มาแบ่งปัน มาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ^^
ขอให้เที่ยวให้สนุก เดินทางไปไหนก็ขอให้ปลอดภัย ระมัดระวังกันด้วยนะ^^
ปล. แม้จากปากทางเข้าหมู่บ้าน 6-7 กิโลเมตร รถเก๋งจะเข้าได้ แต่ไม่แนะนำนะคะ เป็นไปได้รถกระบะจะเหมาะกว่าค่ะ เพราะทางบางช่วงขรุขระไม่น้อยเลย
ตุ๊ก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น